วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

บทที่ 6 จดหมายอิเล็กทรอนิกส์


บทที่ 6 จดหมายอิเล็กทรอนิกส์
      จดหมายอีเลกทรอนิกส์ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า อีเมล์(E-mail) หมายถึง จดหมายหรือข้อความที่ส่งถึงกันผ่านระบบเครือข่าย เราสามารถส่งจดหมายไปให้ผู้รับซึ่งเป็นสมาชิกของระบบอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่จำกัดสถานที่และเวลา จดหมายจะส่งถึงปลายทางอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่วินาที หรืออาจจะส่งจดหมายฉบับเดียวไปถึงผู้รับหลายคน ในเวลาเดียวกันก็ได้ ทั้งผู้รับและส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ จะต้องมีที่อยู่เพื่อใช้ในการอ้างอิงการส่งและรับจดหมาย ที่อยู่สำหรับการรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ประกอบด้วยสองส่วนคือ รหัสผู้ใช้หรือ UserID ซึ่งจะได้รับจากผู้ให้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ และส่วนที่สองคือชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ในการบริการรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์หรือ HostName โดยรูปแบบการเขียนจะเริ่มต้นด้วย UserID คั่นด้วยเครื่องหมาย '@' ตามด้วย HostName ดังนี้ userid@hostname ตัวอย่างเช่น u9999999@dusit.ac.th หมายถึงผู้ใช้มี UserID เป็น u9999999 และเป็นสมาชิกอยู่ที่ Host ชื่อ dusit.ac.th เป็นต้น





1.โปรโตคอลสำหรับรับส่งอีเมล
โปรโตคอลและประเภทการใช้งาน E-mail
ถ้าจะติดต่อสื่อสารผ่านระบบเครือข่าย จะต้องใช้โปรโตคอล TCP/IP
TCP   เพื่อแยกข้อมูลออกเป็นส่วนๆ เรียกว่า Package
IC     เพื่อระบุหมายเลขประจำเครื่องปลายที่จะรับ หรือส่งข้อมูลไปถึง
เนื่องจากบริการรับ-ส่ง E-mail ผู้ใช้มีความต้องการที่หลากหลาย  แตกต่างกัน รูปแบบการทำงานของบริการรับ-ส่ง E-mail ซึ่งเป็น ข้อกำหนดหรือโปรโตคอล ของการรับ-ส่ง Email จึงมีเพิ่มขึ้น ดังนี้
1. การรับส่ง E-mail ผู้ใช้จะระบุผู้รับปลายทางด้วย  E-mail Address <username>@<domain name>  (ระบบจะเปลี่ยน domain name เป็น IP address ก่อนส่ง)
2. การรับ-ส่งไฟล์ที่เป็น E-mail ระบบจะทำการรับ-ส่งกันเป็นทอดๆ จาก domain หนึ่งไปอีก domain หนึ่ง ต่อๆ กันไป  (ใช้โปรโตคอล SMTP)
3. ผู้ใช้อาจต้องการใช้โปรแกรม Web browser เปิดอ่านเมล์โดยตรง (Webmail)
4. ผู้ใช้อาจต้องการใช้โปรแกรม Microsoft Outlook, Outlook Express
เปิดเมล์แล้ว ต้องการให้เมล์ยังคงอยู่ใน Mailbox ที่ Webmail (ใช้โปรโตคอล IMAP4)
เปิดเมล์แล้ว ต้องการนำเมล์ (move)  ไปเก็บในคอมพิวเตอร์ของตนเอง (POP3)
E-mail ที่ส่งไปยังผู้รับในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ใช้วิธีการรับ-ส่งกันเป็นทอดๆ ซึ่งเป็นข้อกำหนดของโปรโตคอล SMTP ที่จะส่ง E-mail ผ่านเครื่อง Mail Server จำนวนมากที่เชื่อมต่อกันในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
E-mail จะถูกส่งไปจนถึงเครื่องตามที่ระบุไว้ใน domain name (ส่วนที่สามของ email address)
ก่อนกระบวนการส่ง
domain name จะถูกแปลงเป็น IP เพื่อให้ง่ายต่อการอ่านของคอมพิวเตอร์
E-mail  จะถูกแบ่งออกเป็น Package ตามเงื่อนไขของโปรโตคอล TCP





2.รูปแบบของอีเมล และอีเมลแอดเดรส
E-mail address : ที่อยู่การส่ง E-mail
<user name> @ domain name
sakda@kku.ac.th
ต้องไม่มี  ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่,  เว้นวรรค


มีส่วนประกอบ 3 ส่วน
Username : ชื่อผู้ใช้
เครื่องหมาย : @  เรียกว่า assign  อ่านออกเสียงว่า “at”
domain name : ชื่อสถานีรับ-ส่ง E-mail



E-mail คือ จดหมาย ที่ใช้รับส่งกันโดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ บางแห่งใช้เฉพาะภายใน บางแห่งใช้เฉพาะภายนอกองค์กร (สาหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกคือ Internet) การใช้งานก็เหมือนกับเราพิมพ์ข้อความในโปรแกรม Word จากนั้นก็คลิกคาสั่ง เพื่อส่งออกไป โดยจะมีชื่อของผู้รับ ซึ่งเราเรียกว่า Email Address เป็นหลักในการรับส่ง

ประเภทของ e-mail
e-mail มี  3  ประเภท  คือ

1. POP  (Post Office Protocol Version)
POP จะมีการทำงานในแบบที่เรียกว่า Offline Model กล่าวคือเวลาทำงาน E-mail Client จะเชื่อมต่อกับ Mail Server จากนั้นจะ Download และลบ E-mail ออกจาก Server หรือ Download เพียงอย่างเดียวแล้วทิ้ง E-mail ไว้บน Server ภายหลังจากที่ E-mail ถูก Download มาที่เครื่อง Client เรียบร้อยแล้ว Client จะตัดการเชื่อมต่อออกจาก Server หลังจากนั้น E-mail จะถูก Process ที่เครื่อง Client ทั้งหมด ข้อได้เปรียบของการทำงานแบบนี้ก็คือ Client แต่ละเครื่องใช้เวลาในการเชื่อมต่อกับเครื่อง Mail Server น้อยมากอีกทั้งยังต้องการเนื้อที่เก็บ E-mail บน Server น้อยด้วยเช่นกัน แต่ข้อเสียก็คือไม่สามารถอ่าน E-mail จาก Client เครื่องอื่นได้อีกหากว่าเรา Set ให้ลบ Mail บน Server หลังจาก Download เสร็จ หรือ ไม่สามารถบอกได้ว่า Mail ฉบับไหนเคยอ่านไปแล้วบ้าง หากเรา Set ค่าแบบ ให้ทิ้ง E-mail ไว้บน Server อีกประการหนึ่งคือเครื่อง Client จะต้องมีประสิทธิภาพสูงเนื่องจากเป็นผู้ Process E-mail ด้วยตนเอง

2. IMAP  (Internet Message Access Protocol Version)
IMAP จะมีการทำงานในแบบที่เรียกว่า Online Model ผสานกับ Disconnected Model กล่าวคือ การจัดการและการ Process E-mail ทั้งหมดจะถูกจัดการที่ Server เพียงอย่างเดียว Client มีหน้าที่เพียงแค่อ่าน E-mail หรือส่งคำสั่งไป Process E-mail บน Server เท่านั้น แบบนี้มีข้อดีก็คือท่านสามารถอ่าน E-mail จากที่ใดก็ได้ เนื่องจาก E-mail จะถูกเก็บอยู่ใน Server เสมอ และจะมีสถานะบอกด้วยว่า E-mail ฉบับใดมาใหม่ ฉบับใดมีการอ่านหรือตอบกลับไปแล้ว แต่ข้อเสียก็คือ Server จะต้องเป็นเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูง และในระหว่างการอ่านหรือ Process E-mail เครื่อง Client จะต้องเชื่อมต่อกับ Server ตลอดเวลา ดังนั้นจึงทำงานได้ช้ากว่าแบบ POP

3. WEB Based
Web Base Mail เช่น อีเมล์ของ hotmail.com, chaiyo.com ซึ่งหากต้องการใช้งานอีเมล์เหล่านี้ จะต้องใช้งานโดยผ่านทางเว็บบราวเซอร์ เช่น Internet Explorer, Firefox ก็สามารถเข้าเช็คอีเมล์หรือเขียนอีเมล์ได้อย่างสะดวก ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของเราเสมอไป เพราะโปรแกรมอีเมล์ดังกล่าวได้ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยี Web-based Application ที่ใช้โปรแกรมเว็บบราวเซฮร์เป็นเครื่องมือในการเปิดโปรแกรมใช้งาน จึงทำให้โปรแกรมอีเมล์สามารถทำงานได้เหมือนกับการเข้าไปดูเว็บไซต์ทั่วไป



3.ประเภทของอีเมล์
       อี-เมล์ (E-mail) ย่อมาจาก Electronic mail (แปลว่า ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์) หมายถึงการสื่อสารหรือการส่งข้อความ โน้ต หรือบันทึกออกจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ผ่านไปเข้าเครื่องปลายทาง (Terminal) หรือเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งโดยส่งผ่านทางระบบเครือข่าย (Network) ผู้ส่งจะต้องมีเลขที่อยู่ (E-mail address) ของผู้รับ และผู้รับก็สามารถเปิดคอมพิวเตอร์เรียกข่าวสารนั้นออกมาดูเมื่อใดก็ได้ โดยปกติ จะไม่มีการพิมพ์ข้อความหรือข่าวสารนั้นลงแผ่นกระดาษ นับว่าเป็นการประหยัดกระดาษไปได้ส่วนหนึ่ง โดยทั่วไป ถือกันว่าเป็นงานส่วนหนึ่งของสานักงานอัตโนมัติ (Office automation) ปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอันมาก
E-mail คือ จดหมาย ที่ใช้รับส่งกันโดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ บางแห่งใช้เฉพาะภายใน บางแห่งใช้เฉพาะภายนอกองค์กร (สาหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกคือ Internet) การใช้งานก็เหมือนกับเราพิมพ์ข้อความในโปรแกรม Word จากนั้นก็คลิกคาสั่ง เพื่อส่งออกไป โดยจะมีชื่อของผู้รับ ซึ่งเราเรียกว่า Email Address เป็นหลักในการรับส่ง

ประเภทของ e-mail

e-mail มี  3  ประเภท  คือ

1. POP  (Post Office Protocol Version)
POP จะมีการทำงานในแบบที่เรียกว่า Offline Model กล่าวคือเวลาทำงาน E-mail Client จะเชื่อมต่อกับ Mail Server จากนั้นจะ Download และลบ E-mail ออกจาก Server หรือ Download เพียงอย่างเดียวแล้วทิ้ง E-mail ไว้บน Server ภายหลังจากที่ E-mail ถูก Download มาที่เครื่อง Client เรียบร้อยแล้ว Client จะตัดการเชื่อมต่อออกจาก Server หลังจากนั้น E-mail จะถูก Process ที่เครื่อง Client ทั้งหมด ข้อได้เปรียบของการทำงานแบบนี้ก็คือ Client แต่ละเครื่องใช้เวลาในการเชื่อมต่อกับเครื่อง Mail Server น้อยมากอีกทั้งยังต้องการเนื้อที่เก็บ E-mail บน Server น้อยด้วยเช่นกัน แต่ข้อเสียก็คือไม่สามารถอ่าน E-mail จาก Client เครื่องอื่นได้อีกหากว่าเรา Set ให้ลบ Mail บน Server หลังจาก Download เสร็จ หรือ ไม่สามารถบอกได้ว่า Mail ฉบับไหนเคยอ่านไปแล้วบ้าง หากเรา Set ค่าแบบ ให้ทิ้ง E-mail ไว้บน Server อีกประการหนึ่งคือเครื่อง Client จะต้องมีประสิทธิภาพสูงเนื่องจากเป็นผู้ Process E-mail ด้วยตนเอง


2. IMAP  (Internet Message Access Protocol Version)
IMAP จะมีการทำงานในแบบที่เรียกว่า Online Model ผสานกับ Disconnected Model กล่าวคือ การจัดการและการ Process E-mail ทั้งหมดจะถูกจัดการที่ Server เพียงอย่างเดียว Client มีหน้าที่เพียงแค่อ่าน E-mail หรือส่งคำสั่งไป Process E-mail บน Server เท่านั้น แบบนี้มีข้อดีก็คือท่านสามารถอ่าน E-mail จากที่ใดก็ได้ เนื่องจาก E-mail จะถูกเก็บอยู่ใน Server เสมอ และจะมีสถานะบอกด้วยว่า E-mail ฉบับใดมาใหม่ ฉบับใดมีการอ่านหรือตอบกลับไปแล้ว แต่ข้อเสียก็คือ Server จะต้องเป็นเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูง และในระหว่างการอ่านหรือ Process E-mail เครื่อง Client จะต้องเชื่อมต่อกับ Server ตลอดเวลา ดังนั้นจึงทำงานได้ช้ากว่าแบบ POP


3. WEB Based
Web Base Mail เช่น อีเมล์ของ hotmail.com, chaiyo.com ซึ่งหากต้องการใช้งานอีเมล์เหล่านี้ จะต้องใช้งานโดยผ่านทางเว็บบราวเซอร์ เช่น Internet Explorer, Firefox ก็สามารถเข้าเช็คอีเมล์หรือเขียนอีเมล์ได้อย่างสะดวก ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของเราเสมอไป เพราะโปรแกรมอีเมล์ดังกล่าวได้ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยี Web-based Application ที่ใช้โปรแกรมเว็บบราวเซฮร์เป็นเครื่องมือในการเปิดโปรแกรมใช้งาน จึงทำให้โปรแกรมอีเมล์สามารถทำงานได้เหมือนกับการเข้าไปดูเว็บไซต์ทั่วไป







4.ขั้นตอนการขอใช้บริการอีเมล์
ขั้นตอนการขอใช้บริการ
ทำการของบัญชีผู้ใช้งานที่สำหนักคอมพิวเตอร์(ระบบจะทำการสร้างบัญชีผู้ใช้งานจดหมายอีเล็กทรอนิกส์ที่ ๆ ต้นชั่วโมง ดังนั้น ถ้าขอบัญชีตอน 11:05 จะสามารถใช้งานได้ในเวลาประมาณ 12:10 เป็นต้น)
ทำการเปลี่ยนรหัสผ่าน โดยใช้บัญชีผู้ใช้งานของสำนักคอมพิวเตอร์
ทำการเปลี่ยนได้ที่ http://mail.buu.ac.th/ChangePasswd.aspxx
ทำการเปลี่ยนได้ที่เครื่องที่สำนักคอมพิวเตอร์ให้บริการโดยการกด Ctrl + Alt + Del แล้วเลือก Change Password
เมื่อทำการเปลี่ยนรหัสผ่านแล้วจะสามารถใช้งานได้ที่ WindowsLive
โดยอีเมล์จะเป็น  รหัสนิสิต@live.buu.ac.th
รหัสผ่านจะเป็น   รหัสผ่านที่นิสิตกำหนดขึ้นมา
สามารถดูเอกสารประกอบได้ ที่นี่
LAST_UPDATED2

ขั้นตอนการขอใช้บริการ
ทำการของบัญชีผู้ใช้งานที่สำหนักคอมพิวเตอร์(ระบบจะทำการสร้างบัญชีผู้ใช้งานจดหมายอีเล็กทรอนิกส์ที่ ๆ ต้นชั่วโมง ดังนั้น ถ้าขอบัญชีตอน 11:05 จะสามารถใช้งานได้ในเวลาประมาณ 12:10 เป็นต้น)
ทำการเปลี่ยนรหัสผ่าน โดยใช้บัญชีผู้ใช้งานของสำนักคอมพิวเตอร์
ทำการเปลี่ยนได้ที่ http://mail.buu.ac.th/ChangePasswd.aspxx
ทำการเปลี่ยนได้ที่เครื่องที่สำนักคอมพิวเตอร์ให้บริการโดยการกด Ctrl + Alt + Del แล้วเลือก Change Password
เมื่อทำการเปลี่ยนรหัสผ่านแล้วจะสามารถใช้งานได้ที่ WindowsLive
โดยอีเมล์จะเป็น  รหัสนิสิต@live.buu.ac.th
รหัสผ่านจะเป็น   รหัสผ่านที่นิสิตกำหนดขึ้นมา

ขั้นตอนการขอใช้บริการ
ทำการของบัญชีผู้ใช้งานที่สำหนักคอมพิวเตอร์(ระบบจะทำการสร้างบัญชีผู้ใช้งานจดหมายอีเล็กทรอนิกส์ที่ ๆ ต้นชั่วโมง ดังนั้น ถ้าขอบัญชีตอน 11:05 จะสามารถใช้งานได้ในเวลาประมาณ 12:10 เป็นต้น)
ทำการเปลี่ยนรหัสผ่าน โดยใช้บัญชีผู้ใช้งานของสำนักคอมพิวเตอร์
ทำการเปลี่ยนได้ที่ http://mail.buu.ac.th/ChangePasswd.aspxx
ทำการเปลี่ยนได้ที่เครื่องที่สำนักคอมพิวเตอร์ให้บริการโดยการกด Ctrl + Alt + Del แล้วเลือก Change Password
เมื่อทำการเปลี่ยนรหัสผ่านแล้วจะสามารถใช้งานได้ที่ WindowsLive
โดยอีเมล์จะเป็น  รหัสนิสิต@live.buu.ac.th
รหัสผ่านจะเป็น   รหัสผ่านที่นิสิตกำหนดขึ้นมา







5.การเขียนและการส่งจดหมาย
วิธีการเขียนและส่งจดหมาย
คลิ๊ก Compose บนแถบเมนูหลัก.
กรองชื่ออีเมล์ของผู้รับในช่อง To . ต้องกรองอีเมล์อย่างน้อย1ชื่อในช่อง.
(ข้อกำหนดเพิ่มเติม)  กรอกชื่ออีเมล์ของผู้รับท่านอื่นเพิ่มเติมในช่อง Cc และ Bcc .  (อะไรคือ Cc และ Bcc?)
(ข้อกำหนดเพิ่มเติม)  กรอกชื่อหัวข้อจดหมายในช่อง Subject .
เขียนข้อความจดหมายของคุณลงในช่องขนาดใหญ่.
คลิ๊ก Send Message เมื่อคุณเสร็จสิ้นการเขียนข้อความของคุณ. ข้อความยืนยันการส่งจะแสดงขึ้นมาหลังจากจดหมายได้ถูกส่งออกเรียบร้อยแล้ว.
วิธีการส่งไฟล์แนบจดหมาย
การเขียนจดหมายใหม่. (วิธีการเขียนและส่งจดหมาย)
กรอกที่ตั้งพร้อมชื่อไฟล์ที่ต้องการจะแนบในช่อง Attach .

หากคุณไม่ทราบที่ตั้งของไฟล์. ให้คลิ๊กปุ่ม Browse ซึ่งอยู่ถัดจากช่อง Attach . หน้าต่างวินโดว์จะแสดงขึ้นมาเพื่อให้ค้นหา.
เปิดช่องเอกสารซึ่งบรรจุแฟ้มที่คุณจะแนบ.  กดบนแฟ้ม.  ชื่อของแฟ้มจะปรากฏโดยอัตโนมัติในช่อง File name .
คลิ๊ก Open.  หน้าต่างวินโดว์จะปิดลงไปและชื่อไฟล์ที่จะแนบจะแสดงขึ้นในช่อง Attach .
คลิ๊ก Send Message.
*บันทึก: สามารถแนบไฟล์ขนาดใดก็ได้. อย่างไรก็ตาม, พื้นที่เก็บจดหมายของคุณจะจำกัดอยู่ที่ 6MB.  จดหมายที่ถูกส่งออกทั้งหมดจะถูกเก็บอยู่ในช่องเอกสารส่ง.  การแนบไฟล์ใหญ่ๆอาจจะทำให้พื้นที่ในช่องเอกสารส่งจดหมายของคุณไม่เพียงพอ.  คุณสามารถเลือกที่จะไม่เก็บรักษาจดหมายส่งออกได้โดยการตั้งค่าการใช้งาน.







6.องค์ประกอบภายในกล่องจดหมาย
หน้ากล่องจดหมาย ซึ่งประกอบด้วยฟังก์ชั่นมากมาย มีองค์ประกอบที่สำคัญดังนี้
  เมนูด้านซ้าย: กดลิงค์ กล่องจดหมายที่เมนูด้านซ้าย เมนูด้านซ้ายนี้เป็นส่วนที่เป็นโครงสร้างของบัญชีในการจัดเก็บข้อมูล นอกจากกล่องจดหมาย แล้วยังมีกลุ่มของจดหมายดังนี้
o   ติดดาว: คือรายการจดหมายที่เลือกให้ติดดาวไว้เพื่อจัดแยกหมวดหมู่ของจดหมาย
o   การแชท: คือรายการการสนทนาผ่าน Google Talk ที่ผ่านมาแล้ว
o   จดหมายที่ส่งแล้ว: คือรายการจดหมายที่ถูกส่งออกไปแล้ว
o   ร่างจดหมาย: คือรายการจดหมายที่เขียนและบันทึกเป็นร่างจดหมายไว้
o   จดหมายทั้งหมด: คือรายการจดหมายทั้งหมดรวมทั้งที่เก็บลงฐานข้อมูล(Archive)ไว้ด้วย
o   จดหมายขยะ: คือรายการจดหมายที่ถูกตรวจสอบจากระบบว่าเป็น SPAM
o   ถังขยะ: คือรายการจดหมายที่ถูกลบ
·         การค้นหา: แบ่งออกเป็น 2 แบบ ดังนี้
o   ค้นหาจดหมาย: สามารถใช้ฟังก์ชั่นเพื่อค้นหาจดหมายได้โดยใส่ข้อความที่เฉพาะเจาะจงในการค้นหาแล้วกดปุ่ม ‘ค้นหาจดหมาย’
o   ค้นหาในเว็บ: สามารถใช้ฟังก์ชั่นเพื่อค้นหาข้อมูลในเว็บได้โดยใส่ข้อความที่เฉพาะเจาะจงในการค้นหาแล้วกดปุ่ม ‘ค้นหาในเว็บ’








7.การอ่านจดหมาย
การอ่านจดหมาย
เมนู INBOX
    หน้าจอแรกที่ปรากฏคือ INBOX เป็นส่วนที่แสดงรายการจดหมายที่ได้รับ หากหน้าจอของท่านไม่แสดง INBOX ท่านสามารถเปิดหน้าต่างของ INBOX โดยคลิกที่ มุมบนซ้ายของหน้าต่าง


<><><>
สัญลักษณ์ใน inbox
Date แสดงวันที่ที่ส่งจดหมาย
From แสดงชื่อผู้ส่งจดหมาย
Subject แสดงหัวเรื่องของจดหมาย
Size แสดงขนาดของจดหมาย
 หมายถึง จดหมายที่ตอบแล้ว
หมายถึึง จดหมายที่ยังไม่ได้อ่าน
หมายถึง มีแฟ้มข้อมูลส่งมากับจดหมายด้วย
หมายถึง ช่องระบุความต้องการเลือกจดหมายฉบับนั้น

- หากต้องการอ่านจดหมายฉบับใดให้คลิกที่ชื่อผู้ส่งหรือหัวเรื่องของจดหมายฉบับนั้น
- หากต้องการอ่านจดหมายฉบับถัดไปให้คลิกเครื่องหมาย >
 -หากต้องการอ่านจดหมายฉบับก่อนหน้าให้คลิกเครื่องหมาย
- กรณีจดหมายนั้นมีไฟล์แนบมากับจดหมายด้วย สามารถแยกไฟล์ออกจากจดหมายที่ส่งมาได้
- จดหมายที่มีไฟล์ส่งมาด้วยจะปรากฏสัญลักษณ์ รูป disket พร้อมชื่อไฟล์ที่ส่งมา
- การเก็บไฟล์ออกจากจดหมายให้คลิกที่สัญลักษณ์ รูป disket
- คลิก OK เพื่อบันทึกไฟล์ลงในไดเรกทอรีที่ต้องการ









8.การตอบจดหมายกลับ
ขั้นตอนการตอบกลับจดหมาย
1. ในช่อง To: ป้อนชื่ออีเมล์ (E-Mail) ของผู้ที่เราจะส่งไปหา
2. ในช่อง Subject: เป็นหัวข้อเรื่อง
3. ในช่อง Cc: เป็นชื่ออีเมล์ (E-Mail) ของผู้ที่เราจะส่งไปหาในกรณีที่ต้องการส่งไปถึงคนที่ 2, 3 ไม่ต้องใส่ก็ได้
4. ในช่อง Bcc: เป็นชื่ออีเมล์ (E-Mail) ของผู้ที่เราจะส่งไปหาในกรณีที่ต้องการส่งไปถึงคนที่ 2, 3 และไม่ ต้องการให้ผู้รับทราบว่าเราส่งไปถึงใครบ้าง ไม่ต้องใส่ก็ได้
5. ส่วนของ Attachments: ในกรณีที่ต้องการส่งแฟ้มข้อมูลแนบไปด้วยกับจดหมาย
6. เราสามารถพิมพ์เนื้อหาของจดหมายในส่วนของ Message Box ได้เลย
7. เมื่อพิมพ์จดหมายและป้อนข้อมูลต่าง ๆ ครบแล้วก็คลิกเมาส์ (Mouse) ที่ปุ่ม Send เพื่อส่งจดหมายหลังจากคลิกที่ปุ่ม Send เพื่อส่งจดหมายแล้ว จะปรากฎหน้าจอ ซึ่งสามารถจัดเก็บชื่ออีเมล์ (E-Mail) ของผู้ที่เราส่งจดหมายไปหา หากไม่จัดเก็บก็คลิก ปุ่ม Inbox เพื่อกลับไปยังกล่องจดหมาย หรือถ้าต้องการเขียนจดหมายฉบับใหม่ก็สามารถคลิกที่ปุ่ม Compose ได้เลย







9.การส่งต่อจดหมาย
ท่านสามารถส่งต่อจดหมายที่ท่านได้รับไปให้บุคคลอื่นได้ โดยสามารถทำได้ 2 แบบ ได้แก่
ส่งต่อจดหมายแบบ Redirect หมายถึง การส่งต่อจดหมายโดยคงชื่อผู้ส่งเดิมไว้
ส่งต่อจดหมายแบบ Forward หมาย ถึง การส่งต่อจดหมายโดยใช้ชื่อผู้ส่งต่อ เนื้อหาของจดหมายที่ส่งต่อสามารถถูกดัดแปลง แก้ไข เพิ่มเติม หรือถูกลบออกโดยผู้ส่งต่อได้
5.1 ส่งต่อจดหมายแบบ Redirect ( จดหมายที่คงชื่อผู้ส่งจดหมายคนเดิม)
5.1.1 คลิกที่ Redirect


5.1.2 พิมพ์ที่อยู่อีเมลของผู้รับ

5.1.3 คลิกที่ Send Message เพื่อส่งจดหมาย
5.2 การส่งจดหมายแบบ Forward (ชื่อผู้ส่งต่อจดหมายเป็นชื่อผู้ส่งจดหมาย)
5.2.1 คลิกที่ Forward
5.2.2 พิมพ์ชื่อที่อยู่อีเมลของผู้รับ ผู้ส่งสามารถเพิ่มเติมข้อความหรือ
ลบข้อความตามที่ต้องการก่อนส่งต่อจดหมายได้


5.2.3 คลิกที่ Send Message เพื่อส่งจดหมาย






10.การลบจดหมาย
     เมื่อท่านใช้บริการรับส่งจดหมาย e-Mail มาถึงระดับหนึ่ง จดหมายจะเต็มกล่องเก็บจดหมาย เมื่อจดหมายเต็มกล่องเก็บแล้วจะส่งผลให้โปรแกรม  Mail ไม่ทำงาน การจัดการลบจดหมายจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่ง ขั้นตอนการลบจดหมายมีดังนี้

ขั้นตอน
1. คลิกที่ Inbox เมื่อคลิกแล้วจะได้กรอบ Inbox ดังภาพ

 
2. จากนั้นคลิกเครื่องหมายถูกที่กรอบสี่เหลี่ยม ดังภาพ แล้วคลิกปุ่ม Delete ตามลำดับ
 
3.จดหมายก็จะถูกลบออกจากกล่อง Inbox จดหมายที่ถูกลบออกไปจะถูกนำไปเก็บที่ Trash Can และจะถูกลบโดยอัตโนมัติต่อไป นั้นหมายความว่าหากท่านลบจดหมายผิด ท่านยังสามารถกู้จดหมาย จากกล่อง Trash Can นี้ได้ โดยการ คลิกที่ Trash Can แล้วคลิกเครื่องหมายถูกในกรอบสี่เหลี่ยมหน้าจดหมายที่ต้องการกู้ จากนั้นมาคลิกที่เมนู Recover to Folder แล้วเลือกกล่องจดหมายที่ต้องการกู้ไปเก็บไว้ ดังภาพ







11.การกู้จดหมายกลับคืน
โดยทั่วไป คุณสามารถกู้คืนกล่องจดหมายที่ลบได้ ถ้ากล่องจดหมายนั้นถูกลบในระยะเวลาไม่เกิน 30 วันที่ผ่านมา สำหรับคำอธิบายเมื่อกล่องจดหมายที่ถูกลบไม่สามารถกู้คืนได้ โปรดดูที่ กล่องจดหมายที่ลบ
คุณสามารถกู้คืนกล่องจดหมายที่ถูกลบในแผงควบคุม Exchange สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ การกู้คืนกล่องจดหมายที่ถูกลบ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถใช้ Windows PowerShell หากคุณต้องการ ตัวเลือกของคุณมีดังนี้
สำหรับ Microsoft Live@edu
http://www.blogger.com/post-create.g?blogID=1314986436091797758#LiveAtEduUseExistingUserID   ตัวเลือกนี้สามารถใช้งานได้ถ้าคุณเก็บ Windows Live ID ไว้เมื่อคุณลบกล่องจดหมาย
http://www.blogger.com/post-create.g?blogID=1314986436091797758#LiveAtEduRecoverUserID   ตัวเลือกนี้สามารถใช้งานได้ถ้าคุณไม่เก็บ Windows Live ID ไว้เมื่อคุณลบกล่องจดหมาย
http://www.blogger.com/post-create.g?blogID=1314986436091797758#LiveAtEduCreateNewUserID   ตัวเลือกนี้จะสามารถใช้งานได้เสมอเมื่อคุณกู้คืนกล่องจดหมายที่ถูกลบ อย่างไรก็ตาม Windows Live ID ที่คุณระบุต้องแตกต่างจาก Windows Live ID เดิมที่เคยเชื่อมโยงกับกล่องจดหมายที่ถูกลบ
http://www.blogger.com/post-create.g?blogID=1314986436091797758#LiveAtEduFederated    โดเมนภายนอก จะใช้ข้อมูลประจำตัวในสถานที่เพื่อเข้าถึงกล่องจดหมายในองค์กร Cloud-Based ในโดเมนภายนอก คุณสามารถสร้างและลบกล่องจดหมายใน Windows PowerShell เท่านั้น ถ้าคุณทราบพารามิเตอร์ WindowsLiveID และ FederatedIdentity ที่ใช้ในการสร้างกล่องจดหมาย คุณจะสามารถกู้คืนกล่องจดหมายที่ลบได้
สำหรับ Microsoft Office 365
การกู้คืนกล่องจดหมายที่ถูกลบและ Microsoft Online Services ID และรหัสผ่านเดิมใน Office 365
การกู้คืนกล่องจดหมายที่ถูกลบและสร้าง Microsoft Online Services ID ใหม่ใน Office 365    Microsoft Online Services ID ที่คุณระบุต้องแตกต่างจาก Microsoft Online Services ID เดิมที่เคยเชื่อมโยงกับกล่องจดหมายที่ถูกลบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น